ความบริสุทธิ์ของเพชร: คำนิยามและการการจัดอันดับ

แหวนเพชร กับชนิดของแหวนที่ได้รับความนิยมจากคู่บ่าว – สาว ในการเลือกเป็นแหวนแทนใจสำหรับใช้แทนตัวติดนิ้วมือของคู่รักไปในทุกที่และทุกเวลา (แม้ว่าคู่รักบางคู่จะมีแหวน 2 วง คือ แหวนสำหรับสวมใส่ในงานแต่งงานหรืองานหมั้น กับ แหวนสำหรับการสวมใส่ติดตัว) อีกทั้งการเลือกใช้แหวนสำหรับงานแต่งงานหรือแหวนสำหรับงานหมั้นที่มีเพชรเป็นอัญมณีหลักก็จะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยเพิ่มความเลอค่าให้กับแหวนได้เป็นอย่างดี เมื่อว่าที่บ่าว – สาวตกลงที่จะใช้เพชรเป็นอัญมณีหลักแห่งแหวนแล้วก็ต้องคำนึงถึง 4 C ของการเลือกเพชร (Color, Carat, Cut  และ Clarity) โดย C ตัวสุดท้ายหรือ Clarity ซึ่งก็คือความบริสุทธิ์ของเพชรมักเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงน้อยที่สุด แต่ก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่า C อื่น ๆ กันเลย ในบทความนี้เราจึงได้รวบรวมข้อมูลของ Clarity มาเพื่อทุกคู่รัก

หลักการ 4 C ในการเลือกซื้อเพชร

สำหรับหัวข้อแรกในบทความนี้เราก็ขอพาคู่รักไปพบกันก็คือ 4 C ของการเลือกเพชร ซึ่งมีดังนี้

Carat หรือ กะรัต หรือ น้ำหนักของเพชร

เป็นหน่วยสากลที่ใช้วัดน้ำหนักของเพชรโดยเฉพาะ ซึ่ง แหวน เพชร 1 กะรัต มีน้ำหนักของเพชรอยู่ที่ 0.20 กรัม หรือ 200 มิลลิกรัม และ น้ำหนักของเพชรที่เป็นน้ำหนักเม็ดเดียวจะสามารถตีเป็นมูลค่าได้มากกว่าน้ำหนักของเพชรที่เท่ากันในจำนวนของเม็ดเพชรที่มากกว่า กล่าวคือ เพชรที่มีน้ำหนัก 2 กะรัตเท่ากัน ในจำนวน 1 เม็ด กับ จำนวน 2 เม็ด เพชรที่น้ำหนัก 2 กะรัตที่ 1 เม็ดมีมูลค่าสูงกว่าเพชรที่น้ำหนัก 2 กะรัตที่ 2 เม็ด โดยกะรัตมีความสัมพันธ์กับการเจียระไนโดยตรง เพราะการเจียระไนจะช่วยให้ผู้ซื้อได้น้ำหนักกะรัตที่เหมาะสมโดยไม่จำเป็นต้องจ่ายส่วนต่างที่เกินพอดี (การเจียระไนเพชรเป็นการเจียระไนจากเพชรดิบตามธรรมชาติ จากนั้นช่างผู้เชี่ยวชาญจะทำการเจียระไนให้เพชรมีความสวยงามและความเหมาะสมมากที่สุด โดยยังคงน้ำหนักเดิมของเพชรดิบไว้ให้สูญเสียไป โดยปกติหลังการเจียระไนเพชรดิบน้ำหนักของเพชรจะต้องคงเหลืออยู่ประมาณ 2 ใน 3 ส่วนของน้ำหนักเพชรดิบ และเจียระไนอย่างประณีตให้มีส่วนของขอบเพชร และ ส่วนของก้นเพชรไม่ให้มีความหนาจนเกินไป ซึ่งความหนาที่มากเกินก็จะนำไปสู่ราคาที่สูงเกินความจำเป็น) 

Color หรือ สีของเพชร

สีของเพชร หรือ น้ำเพชร เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ใช้ในการเลือกซื้อเพชร ซึ่งน้ำเพชรมีการแบ่งตามระดับตั้งแต่เพชรที่ไม่มีสี เพชรที่มีสีเหลืองอ่อน ไปจนกระทั่งถึงเพชรสีแฟนซี โดยในส่วนของน้ำเพชรจะมีการใช้ตัวอักษรแสดงกลุ่มของสีไม่ว่าจะเป็นตัวอักษร D ไปจนกระทั่งถึงตัวอักษร Z โดยเพชรที่ไม่มีสี หรือ ใสมากที่สุด จะถูกประเมินค่าตัวเลขเป็น 100 แทนสัญลักษณ์ด้วย D ไล่เรียงตามลำดับตัวเลขลดลงไปจนถึงตัวอักษร Z

Cut หรือ การเจียระไนเพชร

การเจียระไนเพชรแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของรูปร่าง หรือ Shape และ ส่วนของเหลี่ยมเพชร หรือ Cut ซึ่งทั้ง 2 ส่วนจะถูกนำมากำหนดเป็นเกรดของเพชร 5 ระดับย่อย ตั้งแต่ระดับที่ดีที่สุดคือ Excellent หรือ EX ตามมาด้วยระดับ Very Good หรือ VG, ระดับ Good หรือ G, ระดับ Fair หรือ F และ ระดับ Poor หรือ P ตามลำดับ ในส่วนนี้ก็จะมีการกำหนดเกรดส่วนของการเจียระไนเพชรจาก 3 ด้านด้วยกัน คือ สัดส่วนของเพชร หรือ Cut Grade, การขัดเงา หรือ Polish และ ความมีสมมาตร หรือ Symmetry

Clarity หรือ ความบริสุทธิ์ หรือ ความสะอาดของเพชร

เกี่ยวกับ ความบริสุทธิ์ของเพชร เราขออธิบาย โดยการแบ่งเป็นหัวข้อย่อยที่เกี่ยวข้องกัน ดังนี้

ความบริสุทธิ์ของเพชรคืออะไร ?

สำหรับ Clarity หรือ ความบริสุทธิ์ของเพชรก็เป็นหนึ่งใน 4 C ของการเลือกเพชรที่ใช้เป็นตัวชี้วัดถึงมูลค่าของเพชร โดยวัดจากปริมาณหรือตำแหน่งของตำหนิ (Blemishes) ที่ปรากฎอยู่บนเพชร และวัดจากสิ่งเจือปน (Inclusions) ที่ปรากฎอยู่บนเพชร ซึ่งบางครั้งก็ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า ต้องอาศัยการส่องกล้องสำหรับการส่องเพชรที่กำลังขยาย 10 เท่า ส่วนของความบริสุทธิ์ของเพชรนี้จะมีการแสดงในใบรับรองคุณภาพเพชรซึ่งออกโดยสถาบันในระดับสากล และ ความบริสุทธิ์ของเพชรจะเป็นมูลค่าที่อยู่ติดเพชรหรือติดแหวนของคุณไปตราบนานเท่านาน

การจัดอันดับความบริสุทธิ์ของเพชร

เนื่องด้วยเพชรเป็นแร่ธาตุที่แปรสภาพตามกาลเวลาและกระบวนการตามธรรมชาติ ทำให้ความสมบูรณ์แบบที่ปรากฎอาจจะไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ 100% และย่อมแน่นอนว่าเพชรที่มีความบริสุทธิ์สูงมากเท่าไรย่อมมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเท่านั้นตามไปด้วย โดยเราสามารถจัดอันดับความบริสุทธิ์ของเพชรได้ตามหลักมาตรฐานสากลจากสถาบัน Gemological Institute of America หรือ GIA ซึ่งเป็นสถาบันด้านอัญมณีศาสตร์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนี้

– ความบริสุทธิ์ในระดับ Internally Flawless หรือ FL คือ ความบริสุทธิ์ของเพชรที่มีค่าสูงที่สุด หรือมีตำหนิน้อยที่สุด และตำหนิที่ปรากฎก็ไม่สามารถมองเห็นได้เมื่อส่องผ่านกล้องสำหรับส่องเพชรอีกด้วย จึงเป็นที่แน่นอนว่าตำหนิที่เล็กและน้อยมากเหล่านี้จะไม่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างแน่นอน ส่วนของมูลค่าก็สูงที่สุดในบรรดาความบริสุทธิ์ของเพชรทั้งหมด โดยความบริสุทธิ์ในระดับ Internally Flawless สามารถแบ่งออกได้เป็นอีก 2 คลาสย่อยคือ 

1.ความบริสุทธิ์ในระดับ Flawless ซึ่งเป็นความบริสุทธิ์ที่ไม่ปรากฎตำหนิทั้งส่วนของภายในและภายนอกตัวเพชร

2.ความบริสุทธิ์ในระดับ Internal Flawless ซึ่งเป็นความบริสุทธิ์ที่ไม่ปรากฎตำหนิภายในตัวเพชร แต่ปรากฎตำหนิภายนอกตัวเพชร

– ความบริสุทธิ์ในระดับ Very Very Slightly Included 1 – 2  หรือ VVS 1 – VVS 2 จัดเป็นความบริสุทธิ์ของเพชรในระดับที่มีตำหนิเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และ ล้วนเป็นตำหนิที่ไม่สามารถมองเห็นได้ผ่านกล้องสำหรับส่องเพชร หรือ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในระดับความบริสุทธิ์นี้เพชรที่ได้ยังมีความคงทนของเพชรและความสวยงามอยู่มาก ทำให้มีมูลค่าที่สูงอยู่ (เพชรที่มีความบริสุทธิ์ในระดับ VVS 1 ที่มีตำหนิในหลาย ๆ จุดรวมกัน จะถูกประเมินโดยสถาบัน Gemological Institute of America ให้กลายเป็นเพชรที่มีความบริสุทธิ์ในระดับ VVS 2 แทน) 

– ความบริสุทธิ์ในระดับ Slightly Included 1 – 2 หรือ SI 1 – SI 2 จัดเป็นความบริสุทธิ์ของเพชรที่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า หากเพชรนั้นมีขนาดใหญ่ และสามารถมองผ่านกล้องสำหรับส่องเพชรที่กำลังขยาย 10 เท่า ความบริสุทธิ์ในระดับ Slightly Included 1 – 2 จะขึ้นกับตำแหน่งของตำหนิเพชรด้วย โดยหากตำหนิเกิดบริเวณฐานของเพชรที่เข้ากับตัวยึดติดฐานแหวาน ตำหนินั้นย่อมไม่ปรากฎให้ผู้ที่สวมใส่เห็น ดังนั้นการเลือกเพชรที่มีความบริสุทธิ์ในระดับ Slightly Included 1 – 2 จึงนับเป็นอีกหนึ่งการเลือกเพชรที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ที่สวมใส่ในราคาที่ไม่สูงมากนักได้ (เพชรที่มีความบริสุทธิ์ในระดับ SI 1ที่มีตำหนิในหลาย ๆ จุดรวมกัน จะถูกประเมินโดยสถาบัน Gemological Institute of America ให้กลายเป็นเพชรที่มีความบริสุทธิ์ในระดับ SI 2 แทน) 

– ความบริสุทธิ์ในระดับ Included 1 – 3 หรือ I1 – I2 – I3 จัดเป็นความบริสุทธิ์ของเพชรที่สามารถเห็นตำหนิหรือสิ่งเจือปนได้ด้วยตาเปล่าเลย ยิ่งถ้าเพชรมีขนาดใหญ่เท่าไร ก็จะปรากฎเห็นตำหนิได้มากเท่านั้นตามไปด้วย ซึ่งในส่วนนี้ก็ส่งผลต่อไปยังความเปล่งประกายที่ปรากฎแล้วทำให้มูลค่าของเพชรต่ำลง จึงเป็นเพชรในระดับความบริสุทธิ์ที่ไม่นิยมนำไปใช้เป็นเพชรเม็ดหลักในการทำแหวนสำหรับงานแต่ง แต่สามารถนำไปทำเป็นเพชรประดับตัวเรือนของแหวนได้การประเมินค่าของเพชรเป็นอีกหนึ่งสิ่งพื้นฐานที่ผู้ซื้อทุกท่านควรทราบ เพราะหลักเกณฑ์ในการประเมินคุณค่าของเพชร โดยเฉพาะเมื่อเพชรเป็นอัญมณีหลักใน แหวน แต่งงาน ของคุณด้วยแล้ว การประเมินค่าจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงมูลค่าของเพชรได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นมูลค่าของเพชรที่คุณเลือกซื้อจากทางร้าน หรือ มูลค่าในระยะยาวของเพชรที่คุณเป็นเจ้าของแล้วก็ตาม ในส่วนของความบริสุทธิ์ของเพชรก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยการประเมินค่าของเพชรที่ช่วยเพิ่มคุณค่าแห่งรักแท้ของคุณผ่าน แหวนเพชรแต่งงาน

verapich
Verapich Pinprayong

ที่ปรึกษาธุรกิจอัญมณี และ ผู้ตรวจสอบคุณภาพเพชร

Articles: 19